"Les Miserable" บทเพลงแห่งความอยุติธรรม

บทเพลงแห่งความอยุติธรรม


    จากสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงภาพยนต์ในดวงใจเรื่องนึงนั่นคือ "Les Miserable" ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกยกมาปลุกใจทุกครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมือง หลายๆท่านอาจไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังใช้บทเพลงจากบทประพันธ์เรื่องนี้อยู่อาทิเช่น Do you hear the people sing หรือ Red&Black เป็นต้น ภาพยนต์เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ของ วิคเตอร์ ฮูโก้ ซึ่งถูกใช้ในการแสดงละครเวทีมาอย่างยาวนาน หากแต่เวอร์ชั่นที่ทำให้ผมได้รู้จัก Les Miserable นั้นเป็นภาพยนต์ในปี 2012 ในขณะนั่นผมทึ่งกับตัวเองมากที่นั้งดูภาพยนต์เรื่องนี้จนจบ เพราะโดยส่วนตัวแล้วเกลียดภาพยนต์เพลงเข้าไส้เลยครับ 

    เนื้อเรื่องย่อของภาพยนต์จะกล่าวถึงเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิวัติฝรั่งเศสตั้งแต่ปี1789 -1832 ชื่อ "Les miserable" หมายถึงคนในสังคมยุคนั้นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคม ตัวละครในเรื่องเป็นตัวแทนของคนในสังคมความหิวโหยจนต้องกลายเป็นขโมย และนักโทษที่ไม่ได้รับโอกาสจากสังคม(ฌอง วัลฌอง) ผู้หญิงยากจนแต่ความรักที่มีให้ต่อลูกทำให้ต้องยอมขายผม ขายฟันหน้าและกลายเป็นโสเภณี(ฟองตีน) เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เร่ร่อนในปารีส(กาวอซร์) ปัญญาชนผู้ต้องการเสรีภาพที่ต่อต้านรัฐบาล(กลุ่มอาเบเซ) ท่ามกลางการแก่งแย่งอำนาจของชนชั้นปกครองจากตัวละครในเรื่องเห็นได้ชัดว่าประชาชนยังไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ชนชั้นปกครองกำลังทำอยู่ (https://pantip.com/topic/30074976)

    นักแสดง และบทของภาพยนต์นั่นสามารถดึงให้ผมดำดิ่งไปกับเนื้อเรื่อง และอารมณ์ของตัวละครที่แสดงออกมา โดยเฉพาะในส่วนขององค์การเมืองนั่นผมอินเป็นพิเศษเลยครับ ติดอยู่เรื่องเดียวในส่วนของการคัตติ่งนั้น ผมคิดว่ามันดูกระชับไปหน่อยบางฉากยังไม่ทันได้ซึมซับอารมณ์ของตัวละครที่แสดงออกมาก็คัตติ่งซะแล้ว อาจเพราะความยาวของภาพยนต์ทำให้ผู้กำกับอยากที่จะกระชับเวลาเหมือนกับที่โค้ช "ฌอน" สอนไว้ก็ได้ครับ แต่ก็ไม่วายหนังออกมามีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่งอยู่ดีครับ

    ด้วยเนื้อหาและการแสดงจากนักแสดงรวมไปถึงบทเพลงสุดคลาสสิคนั้น ทำให้ผมหลงไหลภาพยนต์เรื่องนี้อย่างไม่รู้ตัว เนื้อหาที่รู้สึกอินเสมือนเป็นชีวิตตัวเอง บทเพลงที่เคยได้ยินมาหลายครั้ง และนักแสดงตัวเอกที่แสดงได้เข้าถึงอารมณ์ผสมผสานกันอย่างลงตัว จากวันคืนผันผ่านผมเปิดดูซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนถึงปัจจุบันผมก็ยังคงเปิดดูได้แบบไม่มีเบื่อ ยิ่งด้วยเนื้อหาเข้ากับสถานณ์การปัจจุบันด้วยแล้วนั่น ยิ่งทำให้อินกับเนื้อเรื่องไปได้ไม่ยาก สำหรับคนที่ไม่ชอบภาพยนต์เพลงหรือ ภาพยนต์ที่ต้องตีความนั้นผมอยากให้ท่านลองเปิดใจรับชมภาพยนต์เรื่องนี้ซักครั้ง สำหรับผมนั่น เชื่อว่าบทประพันธ์เรื่องนี้้จะยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยแม้ในอนาคต ตราบใดที่ความ "อยุติธรรม" นั่นยังไม่ถูกชำระล้างออกไปจากสังคมของเราครับ





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

gene recombination (Genetic Recombination)

สารภี Mammea siamensis Kosterm.

ไลฟ์โค๊ช ? จุดเปลี่ยนในชีวิต ?